พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่
- พระเกศค่อนข้างเขื่อง
- พระพักตร์เกือบกลมพระกรรณขวามักติดรำไรเห็นเป็นลำโค้ง จรดบ่า
- มีลำพระศอ
- ยอดซอกแขนซ้ายองค์พระจะสูงกว่ายอดซอกแขนขวา
- รอยจีวรที่พาดจากแขนลงมาที่เข่า
- เข่าแม้จะสึกเลือนแต่ยังคงเห็นร่องรอยการทับซ้อนของเข่าซ้ายเหนือเข่าขวา
- โปรดสังเกตเส้นแซมใต้หน้าตัก
- ฐานชั้นกลางเปนฐานขาสิงห์ขอบบนจะนูนและพับเข้า
พระรอดพิมพ์ใหญ่
พระรอดได้ชื่อว่าเป็นพระที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในกระบวนพระเครื่องเมืองไทย มีอายุราว 1 พันปี ซึ่งพระนางจามเทวีพระธิดาพระเจ้ากรุงละโว้ผู้เสด็จขึ้นไปครองเมืองลำพูนเป็นผู้โปรดให้สร้างขึ้นบรรจุในวัดมหาวันพระรอดเป็นหนึ่งในพระเบญจภาคี พบที่กรุวัดมหาวันเพียงแห่งเดียวเป็นพระพิมพ์ขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพระคง พระบางและพระเปิม คำว่า "รอด" เป็นภาษาเหนือแปลว่า "เล็ก"
ลักษณะของพระรอด
เป็นพระประทับนั่ง ขัดสมาธิเพชร ปางมารวิชัย บนฐานเขียงใต้ปรกโพธิ์ ผิวพระพบบ่อยๆว่าจะเหี่ยวย่น สืบเนื่องมาจากพระคายน้ำตอนเผาไฟพระพักตร์ก้มเล็กน้อยรายละเอียดของพระพักตร์คล้ายศิลปะพม่าหรือพุกามเป็นพระศิลปะยุคเดียวกับทวาราวดีตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๖
ตำหนิเอกลักษณ์
- พระศกคล้ายฝาชี พระเกศสั้นจิ่ม
- พระพักตร์สอบเสี้ยม พระเนตรโปนโตพระนาสิกสั้นโต พระโอษฐ์วาดโค้ง
- มีเส้นนำตาดิ่งจากยอดพระกรรณ ลงมาจรดใบโพธิ์
- ปลายพระกรรณซ้ายมือองค์พระหักวกเป็นตัววี
- ต้นแขนขวาขงองค์พระจะเล็กคล้ายพระคงแต่จะน้อยกว่า
- พระพิมพ์ใหญ่โดยมากจะมีขอบปีกพระ
- ขอบจีวรตรงอกจะนูนหนา
- ปลายนิ้วทั้ง ๔ จรดฐานส่วนนิ้วหัวแม่มือขวาที่พาดตักจะขาด
- เส้นน้ำตกใต้แขนซ้าย มาโผล่ที่ใต้เข่าอีกจุดและในร่องใต้ฐานอาสนะชั้นบนสุด อาจมีเส้นน้ำตกบางๆในแนวเดียวกัน
- แขนซ้ายองค์พระจะหักมุมเป็น ๒ส่วน
- เส้นแซมใต้ฐานอาสนะชั้นที่ ๑
- ฐานอาสนะมี ๓ ชั้น ชั้น ๒ และ ชั้น ๓ บางทีติดกันโดมีร่องตื้นๆขั้นกลาง
- รอยกดพับที่ก้นฐานและมีรอยนิ้วมือติดอยู่ เกิดจากการดันพระออกจากพิมพ์
- ในพระรอดพิมพ์ใหญ่ จะเห็นปลายพระบาทซ้ายองค์พระคล้ายหัวงูมีร่องปากเล็กๆปรากฎอยู่
พระผงสุวรรณพิมพ์หน้าแก่
- พระเกศเป็นหน่อคล้ายหมวกฤาษี
- พระเนตรขวาองค์พระจะยุบเป็นแอ่ง
- พระเนตรซ้ายองค์พระจะโปนนูน
- ในร่องพระกรรณขวาองค์พระจะมีเส้นขนาน ๒ เส้น
- พบบ่อยๆปลายหูขวาองค์พระจะเป็นบั้งแหลมแทงขึ้นแบบปลายชฎา
- ในองค์พิมพ์ติดชัดๆ จะมีเส้นในซอกแขนซ้ายองค์พระ ๒ เส้นวิ่งจรดลำพระองค์
- ในองค์ที่พื้นผิวติดชัดๆ จะเห็นเส้นทิว ๒ เส้นแผ่วเหนือพระหัตถ์
- พบบ่อยๆปลายพระหัตถ์จะมีติ่งยื่นออกมาเล็กน้อย
พระซุ้มกอพิมพ์มีกนก
ขุดค้นพบบริเวณฝั่งตะวันตกของลำแม่น้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชรเป็นบริเวณทุ่งกว้างที่มีชื่อว่า " ลานทุ่งเศรษฐี " หรือโบราณเรียกว่า "เมืองนครชุมเก่า " บริเวณลานทุ่งเศรษฐีอันกว้างใหญ่นี้ ปรากฎซากโบราณสถานอยู่มากมายเป็นชื่อวัดนับสิบกว่าวัดด้วยกัน พระซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์มีกนกขุดพบที่กรุวัดมหาธาตุ กรุวัดพิกุล หรือหนองพิกุล กรุฤาษี กรุตาพุ่ม กรุนาตาคำกรุลานดอกไม้ กรุวัดหนองลังกา และเจดีย์กลางทุ่ง
ส่วนพระนามของพระซุ้มกอนั้น เป็นเอกลักษณ์ของซุ้มประภามณฑลที่ครอบเศยรองค์พระเป็นซุ้มโค้งงอเหมือน ก ไก่ เลยเรียกติดปากมาตั้งแต่โบราณว่า "พระซุ้มกอ "
พระกำแพงซุ้มกอสันนิษฐานว่า จะสร้างในสมัย พระมหาธรรมราชาลิไท แห่งสุโขทัยพระพุทธศิลปะขององค์พระจะสง่างาม มีความล้ำสันนั่งขัดสมาธิราบอยู่บนบัลลังก์บัวเล็บช้าง ภายใต้ซุ้มเรือนกนก
พระซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์มีกนกเป็นพระที่ขุดพบมีจำนวนค่อนข้างน้อย เนื้อดินเผา เป็นพระที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนพระเครื่องดินเผาทั่วไป เป็นพระดินเผาที่มีเนื้อค่อนข้างนิ่ม ละเอียดไม่มีเม็ดกรวดเจือปน เนื้อขององค์พระจะดูค่อนข้างจะเปื่อยและยุ่ยง่ายเหมือนพระดินดิบ คือเหมือนพระที่ไม่ผ่านการเผามามีว่านดอกมะขามสีแดงปรากฎให้เห็นทั่วองค์พระ
ตำหนิเอกลักษณ์
- พระเกศเป็นเกศปลีปลายแหลมสอบเข้า
- พระเนตรรีลอยอยู่ในเบ้า
- พระนาสิกเป็นแท่งแหลม พระโอษฐ์เล็ก
- พระกรรณโค้งเป็นแบบหูบายศรีเบาๆ
- ยอดองค์ใต้คอเป็นแอ่งกระทะเบาๆ
- กนกข้างแขนขวาองค์พระเป็นเลข 6 ฝรั่ง
- สังฆาฏิเป็นลำเล็ก
- ซอกแขนลึก
- ชายจีวรยาวเข้าไปซอกแขน
- พระหัตถ์ขวากระดกขึ้นเล็กน้อย
พระนางพญา
พระนางพญาเป็นพระดินเผาที่มีเนื้อหยาบที่สุดในบรรดาพระเนื้อดินชุดเปญจภาคีอีกทั้งยังฝังจมดิน ซึ่เป็นดินเหนียวริมน้ำเป็นเวลานานนับร้อยปีเนื้อพระจึงรักษาสภาพความแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี จุดเด่นของเนื้อพระนางพญา คือมวลดินประเภทเม็ดทรายที่แทรกปนอยู่ในเนื้อเป็นจำนวนมากเรียกกันว่าเม็ดแร่ขนาดสัณฐานของเม็ดทรายจะต้องใกล้เคียงกันทั่วองค์พระเพราะเป็นเนื้อที่ผ่านการกรองมาแล้ว
ตำหนิเอกลักษณ์
- ระเกศเหมือนปลีกล้วย
- ปรากฏกระจังหน้าชัดเจน
- หน้าผากด้านขวาขององค์พระจะยุบหรือบุบน้อยกว่าหน้าผากด้านซ้ายขององค์พระ
- ปลายหูด้านซ้ายมือขององค์พระ จะติดเชื่อมกับสังฆาฎิ
- ปลายหูด้านขวามือขององค์พระจะแตกเป็นหางแซงแซว
- เส้นอังสะจะช้อนเข้าใต้รักแร้
- จะมีเม็ดผดขึ้นอยู่ระหว่างเส้นอังสะกับเส้นสังฆาฎิ
- ท้องขององค์พระจะมีกล้ามเนื้อเป็น ๓ ลอน
- ปลายมือพระหัตถ์ข้างซ้ายขององค์พระจะแหลมแตกเป็นหางแซงแซว
- พระหัตถ์ที่วางบนเข่าจะไม่มีนิ้วมือยื่นเลยลงมาให้เห็น